บอกต่อเทคนิคสุดปัง Live ขายของอย่างไรให้ลูกค้าติด

การ Live สด ขายของไม่ได้มีแค่มาพูด ๆ ให้จบแล้วปิดการขายไป แต่การ Live ขายของยังต้องใช้ศิลป์ในการพูด พูดอย่างไรให้น่าสนใจ ทำอย่างไรให้คอนเทนต์ที่เรากำลังสื่อเพื่อการขายดูแล้วไม่น่าเบื่อ ไม่ชวนง่วง หรือ ออกทะเลจนเกินไปดังนั้นวันนี้ CF Manager จึงขอบอกต่อเทคนิคสุดปัง Live ขายของอย่างไรให้ลูกค้าติด ให้คนสนใจเข้ามาดู แล้วปิดการขายได้อย่างสวยงาม สามารถอ่านได้ในบทความนี้เลยค่ะ 

ก่อน Live ทุกครั้งต้องแจ้งล่วงหน้า

ก่อนที่จะเริ่มต้นไลฟ์ขายของทุกครั้ง สิ่งสำคัญเลยคืออย่าไลฟ์สดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ควรที่จะบอกลูกค้าเนิ่น ๆ เพื่อที่คนที่อยากได้สินค้าของเราจะได้เตรียมตัวสำหรับเวลาไลฟ์ โดยระหว่างโพสต์เราอาจจะติดแฮชแท็กหรือคีย์เวิร์ดสำคัญ เพื่อให้ผู้คนที่เสิร์ชหาสิ่งของที่เราขายหาแฟนเพจของเราเจอได้ง่าย

เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม 

การเลือกไทม์มิ่งยังไงก็เป็นสิ่งที่สำคัญเสมอ เพราะต่อให้คุณจะนัดลูกค้า แจ้งเตือนก่อนอย่างไรแต่ถ้าหากเวลามันไม่ได้ เขาก็ไม่สามารถมาดูคุณได้เช่นกัน โดยการไลฟ์สดที่ดีควรไลฟ์ขายในช่วง Prime time ตั้งแต่เวลา 19.00-22.00 น. เพื่อให้ทุกคนได้เว้นพักจากงานประจำเข้ามาดูได้ โดยการไลฟ์ที่ดีควรไลฟ์ประมาณ 1 ชั่วโมง และไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อและรับออเดอร์เยอะจนเกินไป จนอาจทำให้การจัดส่งช้าลงได้

สร้างจุดเด่น จุดขายทั้งของตัวสินค้าและผู้ขาย

อยากไลฟ์ให้ปัง เราต้องเด่นทั้งสินค้าและผู้ขาย ลองสร้างคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของคุณ รวมไปถึงสร้างสตอรี่ของสินค้า เพื่อให้ดูมีกิมมิคและเรียกความสนใจและอยากซื้อให้แก่ตัวลูกค้าได้

ชวนพูดคุยบ้าง ไม่ขายของลูกเดียว 

ไลฟ์สดทั้งทีขายของลูกเดียวเกินไปอาจจะทำให้น่าเบื่อและสร้างความอึดอัดกับลูกค้าได้ ดังนั้นอาจจะชวนลูกค้าพูดคุย ไถ่ถามหรือให้กำลังใจหลังเลิกงาน ก็อาจจะเป็นความประทับใจเล็กน้อยที่ก่อเกิดขึ้นในหัวใจของลูกค้าเป็นได้ ซึ่งเมื่อซื้อหัวใจลูกค้าได้แล้ว เสริมกับการบริการที่ดีของเรายังไงลูกค้าก็ไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอน

ก่อนจากกันอย่ากดปิด Live ทันทีให้บอกลาทุกคนสักหน่อย 

ก็เปรียบเสมือนกับสำนวนไทยที่ว่า ‘ไปต้องลา มาต้องไหว้’ ดังนั้นในเมื่อเริ่มต้นเราสวัสดีลูกค้าซะดิบดี ก่อนจากกันก็ต้องบอกลากันบ้าง อย่าพึ่งรีบกดจบการไลฟ์สดโดยทันที แวะมาบอกลาลูกค้าพร้อมเสริมด้วยการถามความต้องการของไลฟ์ครั้งหน้า เพื่อเป็นการสำรวจความต้องการของลูกค้า เพียงเท่านี้เราก็จะได้ทำหรือจัดหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ ซึ่งนั่นก็จะทำให้เราสามารถปิดการขายและได้ยอดขายเพิ่มขึ้น พุ่งขึ้นนั่นเอง

ใคร ๆ ก็ชอบการเอาใจใส่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อขายนั้น ถ้าหากผู้ขายหรือผู้ให้บริการมีการให้บริการที่ดี ก็จะถือว่าเป็นการที่เราซื้อใจพวกเขาได้ และนั่นก็จะเป็นผลดีของการดำเนินธุรกิจของคุณ เพราะสามารถเก็บฐานลูกค้าเก่าได้ มัดใจลูกค้าใหม่ได้อย่างอยู่หมัด ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการดีขึ้นแบบฉุดไม่อยู่แน่นอน